เราจะพาทุกท่านไปชม 5 นักเตะใหม่ป้ายแดงของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาล 2019-20 ว่ามีคนไหนที่น่าสนใจ และน่าติดตามฟอร์มบ้าง จะมีใครกันบ้าง ไปติดตามกันได้เลย
แข้งค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยจำนวนเงิน 62.6 ล้านปอนด์ ซึ่งทัพ “เรือใบสีฟ้า” ยอมจ่ายค่าฉีกสัญญาให้กับทาง แอตเลติโก มาดริด เพื่อปิดดีลนี้
โดยการเข้ามาของ โรดรี้ ก็ถูกวางไว้ให้เป็นตัวแทนของ แฟร์นานดินโญ่ แข้งวัยเก๋าของทีมที่กำลังเข้าสู่ช่วงปลายของชีวิตการค้าแข้งแล้ว ซึ่งในตำแหน่งนี้ โรดรี้ ถือว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยมสมัยค้าแข้งอยู่กับทัพ “ตราหมี” และเมื่อนำผลงานเมื่อฤดูกาล 2018-19 ของทั้งคู่มาเปรียบเทียบจะสามารถเห็นได้ว่าตัวเลขไม่ได้ต่างอะไรกันเลย ตามสถิติด้านล่างนี้
ลงเล่น : 29 นัด
ยิง : 1 ประตู
แอสซิสต์ : 3 ครั้ง
ผ่านบอลสำเร็จ : 1,793 ครั้ง
เปอร์เซนต์ผ่านบอลแม่นยำ : 88%
แทคเคิ่ลชนะ : 57 ครั้ง
สกัดบอล : 41 ครั้ง
ลงเล่น : 34 นัด
ยิง : 3 ประตู
แอสซิสต์ : 1 ครั้ง
ผ่านบอลสำเร็จ : 1,756 ครั้ง
เปอร์เซนต์ผ่านบอลแม่นยำ : 91%
แทคเคิ่ลชนะ : 103 ครั้ง
สกัดบอล : 41 ครั้ง
ซึ่งแน่นอนว่าสถิติดังกล่าวอาจจะเปรียบเทียบกันได้ไม่มากนัก ด้วยเพราะลงเล่นกันคนละลีก แต่เมื่อพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นใหม่รูดม่านเปิดฉากขึ้นมา เราจะได้รู้กันแล้วว่า โรดรี้ จะสามารถแทนที่ของ แฟร์นานดินโญ่ ได้ตามที่ใจของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มั่นหมายไว้ได้หรือเปล่า
แข้งรายแรกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงตลาดนักเตะซัมเมอร์นี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่เซอร์ไพร์สพอสมควรเพราะ เจมส์ ยังไม่ได้มีผลงานที่อยู่ในระดับสูงเท่าที่ควร เพราะเมื่อซีซั่นก่อน เจมส์ ลงเล่นให้กับ สวอนซี ในศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ เท่านั้น
โดยจุดเด่นของแข้งชาวเวลส์อยู่ที่ความเร็วที่มีสปีดแบบสับตีนแตก ซึ่งแฟนบอล “ปีศาจแดง” คงจะพอได้เห็นแล้วในช่วงอุ่นเครื่องที่ผ่านมา
แน่นอนว่าด้วยค่าตัวที่มีมูลค่าถึง 15 ล้านปอนด์ มันก็ย่อมทำให้แฟนบอล เร้ด อาร์มี่ ตั้งความหวังไว้ค่อนข้างสูงว่า เจมส์ จะเข้ามาทำให้ปัญหาตำแหน่งปีกของทีมดีขึ้น ซึ่งเจ้าตัวจะทำได้ดีขนาดไหน เวลา จะเป็นเครื่องพิสูจน์เอง
บอร์ดบริหารของ สเปอร์ส ยอมลงทุ่นควักเงินจำนวน 65 ล้านปอนด์ คว้าตัวมิดฟิลด์เนื้อหอมรายนี้มาร่วมทีม ซึ่งด้วยเงินจำนวนดังกล่าวทำให้ เอ็นดอมเบเล่ ได้กลายเป็นนักเตะค้าตัวแพงประจำทีมในทันที
ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมกับ โอลิมปิก ลียง เมื่อซีซั่นก่อน ทำให้มีหลายสโมสรในยุโรปต่างจ้องมองอยากได้ตัวไปเสริมทัพ แต่ทว่าสุดท้ายกลายเป็น “ไก่เดือยทอง” ได้ตัวมาครอบครอง
“ผมคิดว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีมาก สิ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจย้ายที่ สเปอร์ส ก็คือพวกเขาจบฤดูกาลใน 4 อันดับแรก และมีผู้จัดการทีมที่ยอดเยี่ยม ที่เขาจะช่วยยกระดับฝีเท้าของผมให้แข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก” เอ็นดอมเบเล่ เปิดใจ หลังเปิดตัวกับ สเปอร์ส
โดยผลงานเมื่อฤดูกาลก่อนแข้งวัย 22 ปี ลงสนามให้ทัพ โอแอล ไปทั้งสิ้น 49 นัด ยิงไป 3 ประตู พร้อมด้วย 8 แอสซิสต์ จุดเด่นคือสามารถเล่นได้ทั้งมิดฟิลด์ตัวกลาง และถอยลงไปเล่นเป็นเซนเตอร์ฮาร์ฟได้อีกด้วย
บอกได้เลยว่าที่ แฟร้งเฟิร์ต ฟอร์มดีเมื่อซีซั่นก่อนนอกจาก ลูก้า โยวิช ก็คือเจ้า ฮัลเลอร์ คนนี้นี่แหละ ที่เป็นหน่วยทำลายล้างทั้งยิง และจ่ายแบบไม่หยุดยั้ง
โดยตัวเลขเมื่อซีซั่นที่แล้วได้ออกมาว่า ลงสนาม 41 นัด ยิง 20 ประตู 12 แอสซิสต์ นอกจากนั้นจุดเด่นของเจ้าตัวคือตัวใหญ่สามารถเก็บบอล พักบอล และจ่ายให้เพื่อนเล่นต่อได้ มากกว่าไปกว่านั้นคือ ฮัลเลอร์ สามารถเล่นบอลได้ทั้ง 2 เท้า แบบไม่ต่างกันเลย
และด้วยเงินจำวน 40 ล้านปอนด์ ที่ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ลงทุนไปก็หมั้นหมายเหลือเกินว่า ฮัลเลอร์ จะเข้ามากระทุ้งประตูคู่แข่งได้เหมือนกับฤดูกาลก่อน แต่อย่างหนึ่งที่ต้องลุ้นหนักคือเจ้าตัวจะปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลอังกฤษได้มากขนาดไหน
แข้งรายใหม่เพียงหนึ่งเดียวประจำซัมเมอร์นี้ของ นิวคาสเซิ่ล ในตอนนี้ ว่าแล้วพวกเขาก็เล่นใหญ่ จัดหนัก ด้วยค่าทุ่มจ่ายเป็นค่าตัวสถิติสโมสรที่ 40 ล้านปอนด์ไปเลยทีเดียว
โดยผลงานของ โชลินตอน กับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ เมื่อช่วงฤดูกาลที่แล้วอยู่ที่ 11 ประตู กับ 9 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 35 นัดในทุกรายการ
โดยจุดเด่นของหัวหอกชาวบราซิลรายนี้อยู่ที่การเป็นกองหน้าที่ตัวใหญ่ แต่มีความเร็วพอสมควร นอกจากนั้นเป็นคนที่ถนัดเท้าขวา แต่สามารถทำประตูได้ด้วยเท้าซ้ายอย่างเฉียบขาด และการมาผจญภัยในเวทีพรีเมียร์ลีกครั้งนี้ มันไม่ง่ายอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการเป็นขุนพลของ นิวคาสเซิ่ล ในชั่วโมงนี้